แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 3 – 0 ปอร์ทสมัธ
ชมวีดีโอคลิปไฮไลท์การแข่งขัน คลิ๊กที่นี่!
สนาม โอลด์ แทรฟฟอร์ด, อังกฤษ
ผู้ชมในสนาม 67,684 คน
รายการ พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ
เวลา 00.15 น. วันอาทิตย์ที่ 4 ธันวาคม 2548
ผู้ตัดสิน คริส ฟอย
ปิศาจแดง ซัด 3 ประตูถล่มปอร์ทสมัธ ที่น่าสงสาร
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สิ้นสุดอาถรรพ์ของสนามโอลด์ แทรฟฟอร์ด ในลีกด้วยการทำ 3 ประตูในการพบกับปอร์ทสมัธ ซึ่งเป็นครั้งแรกของฤดูกาลนี้ที่พวกเขาทำได้มากกว่านัดละ 1 ประตูในการลงเล่นเกมเหย้า
พอล สโคลส์ มีชื่อเป็นผู้ทำประตูเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม และอีก 2 ประตูได้จากเวย์น รูนี่ย์ และรุด ฟาน นิสเตลรอย คนละประตู ทำให้ทีมของเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน คว้าชัยชนะอย่างงดงาม กลับมารั้งตำแหน่งรองจ่าฝูงของตารางพรีเมียร์ชิพ โดยตามหลังเชลซี จ่าฝูงและแชมป์เก่าอยู่ 10 คะแนน แต่ลงเล่นน้อยกว่า 1 นัด
ก่อนเกมนัดนี้จะเริ่มต้นมีพิธีสดุดีต่อจอร์จ เบสต์ ผู้จากไป โดยก่อนเกมที่พบกับเวสต์ บรอม เมื่อวันพุธที่ผ่านมา แฟนบอลของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีส่วนร่วมในพิธีไว้อาลัยด้วยการยืนสงบนิ่ง 1 นาที ส่วนในวันเสาร์ซึ่งเป็นวันที่มีพิธีฝังศพของเบสต์ ในกรุงเบลฟาสต์ เป็นโอกาสที่กองเชียร์จะได้แสดงความอาลัยต่อตำนานผู้ยิ่งใหญ่ของปิศาจแดง อีกรูปแบบหนึ่งโดยการปรบมือและร้องเพลง ‘There’s only one George Best’ ซึ่งซาบซึ้งเหมือนกันกับพิธีสดุดีที่เงียบสงบเมื่อวันพุธ
ช่วงเวลา 15 นาทีก่อนเข้าสู่เกมเป็นช่วงเวลาที่น่าประทับใจอีกช่วงหนึ่ง เมื่อทุกคนยืนขึ้นหันไปทางอัฒจันทร์ฝั่งสเตรทฟอร์ด เอนด์ และตะโกนว่า “ยืนขึ้นถ้าคุณรักจอร์จ เบสต์” โอเล่ กุนน่าร์ โซลชาร์ ซึ่งเข้าร่วมพิธีฝังศพของเบสต์ ในช่วงก่อนหน้านี้ เรียกให้นักเตะซึ่งนั่งดูอยู่ในที่นั่งชั้นผู้บริหารลุกขึ้นยืนและปรบมือร่วมกับเขา
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เริ่มต้นเกมอย่างมีชีวิตชีวาโดยมีปาร์ค จีซุง ขึ้นเกมทางฝั่งขวาด้วยกำลังที่เต็มเปี่ยมไม่มีหมด และทางฝั่งซ้ายเป็นไรอัน กิ๊กส์ ที่ดูคล่องแคล่วมากหลังจากหายจากอาการบาดเจ็บกระดูกโหนกแก้มแตก
เนื่องจากการขาดหายไปของแกรี่ เนวิลล์ ที่ถูกพักเก็บตัวเอาไว้ทำให้ปลอกแขนกัปตันทีมในนัดนี้ยังคงเป็นของรุด ฟาน นิสเตลรอย ซึ่งได้จังหวะครั้งแรกจากโอกาสมากมายในช่วงต้นเกมของปิศาจแดง ลูกยิงเรียดของเขาในนาทีที่ 2 ถูกเจมี่ แอชดาวน์ รับไว้ได้อย่างสบาย เป็นการป้องกันประตูครั้งแรกในเกมที่ผู้รักษาประตูของปอร์ทสมัธ ต้องเจอกับงานหนัก
หลังจากผ่านไป 5 นาที เวส บราวน์ จ่ายบอลขวางสนามพลาดทำให้โลมาน่า ลัวลัว ได้โอกาสยิง แต่อดีตกองหน้าของนิวคาสเซิล กลับยิงข้ามคานขึ้นไปบนอัฒจันทร์ฝั่งสเตรทฟอร์ด เอนด์ แบบไม่มีลุ้น
หลังจากนั้นก็เป็นแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่บุกกระหน่ำอยู่ฝ่ายเดียว ไรอัน กิ๊กส์ ได้วอลเล่ย์ที่เสาไกลแต่แอชดาวน์ ยังป้องกันเอาไว้ได้ ในขณะที่เวย์น รูนี่ย์ ยิงข้ามคานหลังจากพาบอลหนีนักเตะของปอมปีย์ 4 คน และรุด ฟาน นิสเตลรอย ก็มีโอกาสหลายครั้งที่จะทำให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ขึ้นนำ
หลังจากการจากไปของอแล็ง แปร์กแร็ง อดีตผู้จัดการทีมเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และการพูดคุยอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับผู้จัดการทีมคนใหม่ ปอร์ทสมัธ ก็เป็นสโมสรที่อยู่ในความสับสนวุ่นวาย รวมทั้งแผงกองหลังของพวกเขาด้วย ในนาทีที่ 19 รูนี่ย์ เปิดบอลต่ำผ่านกองหลัง 2 คนที่สกัดไม่โดนบอล ทำให้ปาร์ค ที่วิ่งเติมขึ้นมาได้ยิงเต็มข้อ แต่บอลลอยข้ามคานออกไปนิดเดียว
อย่างไรก็ตาม บ่อยครั้งในสนามโอลด์ แทรฟฟอร์ด ในฤดูกาลนี้ที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สร้างโอกาสได้มากมายแต่ไม่สามารถทำให้เป็นประตูได้ พอล สโคลส์ รู้ซึ้งถึงเรื่องนี้มากกว่าใคร ก่อนเกมนี้เขายังทำประตูไม่ได้เลยนับตั้งแต่เกมที่เอาชนะชาร์ลตัน ไปได้ 4-0 ในเดือนพฤษภาคม แม้ว่าปอร์ทสมัธ จะต้องเสียใจที่ประกบผิดพลาด ความสามารถของสโคลส์ ในการเติมเข้าไปในกรอบเขตโทษทำให้เขาได้ขึ้นโหม่งสะบัดในแบบฉบับของเขาจากลูกเตะมุมโดยไรอัน กิ๊กส์ ในนาทีที่ 20 บอลพุ่งเสียบมุมเข้าไปตุงตาข่าย แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ขึ้นนำไปแล้ว 1-0 ถือเป็นการสิ้นสุดช่วงเวลาย่ำแย่ที่ทำประตูไม่ได้ของสโคลส์
ฟาน นิสเตลรอย น่าจะทำให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ขึ้นนำห่างก่อนหมดเวลาในครึ่งแรกไม่กี่นาที รูนี่ย์ แทงบอลทะลุช่องให้ดาวยิงดัตช์แมนได้หลุดเดี่ยวไปดวลกับแอชดาวน์ แต่รุด จับบอลจังหวะแรกไม่ดีทำให้ยิงไม่ผ่านตัวผู้รักษาประตูของปอมปีย์ ที่ออกมาปัดบอลออกหลังไปได้
เริ่มต้นครึ่งหลัง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีการเปลี่ยนตัวเอาคีแรน ริชาร์ดสัน ลงเล่นแทนที่ของจอห์น โอเชีย ที่มีอาการบาดเจ็บเล็กน้อย ปอร์ทสมัธ กลับมาลงเล่นครึ่งหลังได้ดีและเกือบจะทำประตูตีเสมอได้ตั้งแต่นาทีแรกของครึ่งหลัง แม็ทธิว เทย์เลอร์ ได้ยิงจ่อๆ ด้วยเท้าซ้าย แต่ฟาน เดอร์ ซาร์ ยังไวป้องกันเอาไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม
มันเป็นการเตือนให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้องทำประตูเพิ่ม ก่อนเกมนี้ปิศาจแดง ยังไม่เคยทำได้มากกว่านัดละ 1 ประตูในเกมพรีเมียร์ชิพที่สนามโอลด์ แทรฟฟอร์ด ในฤดูกาลนี้ สถิตินี้เป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจยิ่งขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับฟอร์มของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในเกมเยือนซึ่งทำผลงานได้ดีที่สุดในลีก
นาทีที่ 53 สโคลส์ โยนยาวจากหลังไปให้กับฟาน นิสเตลรอย โหม่งชงไปให้กับรูนี่ย์ ซัดทันทีแบบไม่ต้องจับ แต่ลูกยิงของเขาเบาเกินไปและไม่ตรงกรอบ
การจ่ายบอลของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในครึ่งหลังไหลลื่นดี สโคลส์ และรูนี่ย์ ที่เล่นอย่างมีชีวิตชีวาเป็นศูนย์กลางของการเดินเกมรุก แต่ปิศาจแดง ยังคงไม่สามารถเปลี่ยนจังหวะของเกมได้ในช่วงที่ต้องการ ดูเหมือนว่าปอร์ทสมัธ จะตั้งใจเล่นเพื่อตั้งรับอย่างเดียว ความหวังเดียวของพวกเขาคือ ลัวลัว อาจจะเอาชนะริโอ เฟอร์ดินานด์ ได้ในการดวลกันในจังหวะสวนกลับ แต่โอกาสที่ว่าก็ยังไม่ค่อยมี
กิ๊กส์ ที่ลงเล่นนัดนี้เป็นนัดแรกนับตั้งแต่ได้รับอาการบาดเจ็บกระดูกโหนกแก้มแตกในเกมที่พบกับลีลล์ ในเดือนตุลาคม เริ่มจะหมดแรง แต่ผลงานของเขาในนัดนี้ทำได้ยอดเยี่ยม และเป็นการเพิ่มอีกทางเลือกหนึ่งในการเล่นริมเส้นของเซอร์ อเล็กซ์ ความจำเป็นในการเจาะแผงกองหลังของปอมปีย์ ทำให้เซอร์ อเล็กซ์ เปลี่ยนตัวเอาปีกชาวเวลส์ออกให้คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ลงเล่นแทนในนาทีที่ 65
ปีกดาวรุ่งโปรตุเกสวัย 20 ปี ช่วยให้มีความเร็วมากขึ้นในจังหวะการเปิดเกมรุกของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ก่อนหมดเวลา 11 นาที หลุยส์ ซาฮา ได้ลงมาเป็นตัวสำรองอีกคนหนึ่งแทนที่ของปาร์ค จีซุง เพื่อเติมเกมรุกของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กองหน้าชาวฝรั่งเศสทำให้เกิดผลกระทบในทันที เขาพาบอลขึ้นไปข้างหน้าก่อนจะไหลบอลผ่านระหว่างกองหลัง 2 คนเพื่อจะให้ฟาน นิสเตลรอย วิ่งเข้าหา แต่แอนดี้ กริฟฟิน ฟูลแบ็กของปอร์ทสมัธ พุ่งเข้าสกัดได้ แต่บอลไหลไปเข้าทางปืนของรูนี่ย์ พอดี ดาวยิงทีมชาติอังกฤษจัดการซัดเต็มข้อด้วยเท้าขวาทันที บอลพุ่งเสียบมุมขวาล่างของประตูเข้าไป แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ขึ้นนำไปเป็น 2-0 จนได้
หลังจากสิ้นสุดสถิติไม่สามารถทำประตูที่ 2 ได้ในการลงเล่นเกมเหย้า 5 นัดในลีกได้ไม่นาน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็มาได้ประตูที่ 3 ในนาทีที่ 84 โรนัลโด้ ได้บอลขึ้นทางฝั่งขวาจากสโคลส์ แล้วกระชากหนีกริฟฟิน ทำให้มีพื้นที่ว่างมากพอที่จะเปิดบอลอย่างแม่นยำไปให้ฟาน นิสเตลรอย ในกรอบเขตโทษ ดูเหมือนว่าเขาจะรอให้บอลไหลมาถึงเท้านานเกินไป เมื่อแอชดาวน์ พุ่งออกมาจากเส้นประตูเข้ามาถึงตัว แต่ดาวยิงดัตช์แมนจัดการชิพบอลข้ามตัวผู้รักษาประตูของปอร์ทสมัธ ลอยเข้าประตูไปอย่างเหนือชั้น แอนดี้ โอไบรอัน พยายามสกัดแต่ไม่ทัน ทำให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ขึ้นนำห่างสุดกู่ 3-0
มันเป็นเพียงประตูที่ 3 ของฟาน นิสเตลรอย นับตั้งแต่กลางเดือนตุลาคม แต่ในตอนนี้หน้าที่กัปตันทีมถูกส่งต่อไปให้กับแกรี่ เนวิลล์ ซึ่งน่าจะกลับมาลงเล่นได้ในเกมที่จะพบกับเบนฟิก้า ในวันพุธ ดาวยิงดัตช์แมนสามารถตั้งสมาธิอยู่กับการทำประตูเท่านั้น จบเกมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เอาชนะปอร์ทสมัธ ไปได้อย่างสบาย 3-0 เก็บ 3 คะแนนเต็มรั้งตำแหน่งรองจ่าฝูง ก่อนที่จะออกเดินทางไปเยือนกรุงลิสบอน ทำศึกนัดสำคัญชี้ชะตาการเข้ารอบยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในช่วงกลางสัปดาห์พบกับเบนฟิก้า ต่อไป (บรรยายเกมโดย DaKinG)
รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ 19
เวส บราวน์ 6
ริโอ เฟอร์ดินานด์ 5
จอห์น โอเชีย 22
มิเกล ซิลแวสตร์ 27
ไรอัน กิ๊กส์ 11
ปาร์ค จีซุง 13
พอล สโคลส์ 18 ( น. 20)
อลัน สมิธ 14
เวย์น รูนี่ย์ 8 ( น. 80)
รุด ฟาน นิสเตลรอย 10 ( น. 84)
สำรอง
ทิม โฮเวิร์ด 1
ดาร์เรน เฟล็ตเชอร์ 24
คีแรน ริชาร์ดสัน 23 น. 45 จอห์น โอเชีย 22
คริสเตียโน่ โรนัลโด้ 7 น. 65 ไรอัน กิ๊กส์ 11
หลุยส์ ซาฮา 9 น. 79 ปาร์ค จีซุง 13
ปอร์ทสมัธ
เจมี่ แอชดาวน์ 15
แอนดี้ กริฟฟิน 16 ( น. 68)
แอนดี้ โอไบรอัน 5
ไบรอัน ปริสเก้ 6
เดยาน สเตฟาโนวิช 3
แม็ทธิว เทย์เลอร์ 14
ซาลิฟ ดิเยา 40
แกรี่ โอนีล 26
จอห์น เวียฟาร่า 4
โลมาน่า ลัวลัว 32
ดาริโอ ซิลวา 31
สำรอง
ซานเดอร์ เวสเตอร์เวล์ด 1
ลินวอย พรีมัส 2
โลรองต์ โรแบร์ 11 น. 72 แม็ทธิว เทย์เลอร์ 14
ซโวนิเมียร์ วูคิค 38
สเวโตสเลฟ โตโดรอฟ 9 น. 59 ดาริโอ ซิลวา 31
สถิติของเกม
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยิงประตู 3, ลูกยิงตรงกรอบ 9, ลูกยิงหลุดกรอบ 7, ลูกยิงโดนบล็อค 3, เตะมุม 11, ฟาวล์ 9, ล้ำหน้า 1, การครองบอล 58%
ปอร์ทสมัธ ลูกยิงตรงกรอบ 2, ลูกยิงหลุดกรอบ 4, ลูกยิงโดนบล็อค 2, เตะมุม 4, ฟาวล์ 17, ใบเหลือง 1, การครองบอล 42%
คะแนนความสามารถ
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ 6, เวส บราวน์ 6, ริโอ เฟอร์ดินานด์ 7, มิเกล ซิลแวสตร์ 6, จอห์น โอเชีย 6, ปาร์ค จีซุง 7, อลัน สมิธ 7, พอล สโคลส์ 9, ไรอัน กิ๊กส์ 7, เวย์น รูนี่ย์ 8, รุด ฟาน นิสเตลรอย 8, คริสเตียโน่ โรนัลโด้ (สำรอง) 7, คีแรน ริชาร์ดสัน (สำรอง) 6, หลุยส์ ซาฮา (สำรอง) 6
ปอร์ทสมัธ เจมี่ แอชดาวน์ 8, ไบรอัน ปริสเก้ 7, แอนดี้ โอไบรอัน 6, เดยาน สเตฟาโนวิช 7, แอนดี้ กริฟฟิน 7, แม็ทธิว เทย์เลอร์ 7, แกรี่ โอนีล 7, ซาลิฟ ดิเยา 6, จอห์น เวียฟาร่า 5, ดาริโอ ซิลวา 4, โลมาน่า ลัวลัว 7, โลร็องต์ โรแบร์ (สำรอง) 5, สเวโตสเลฟ โตโดรอฟ (สำรอง) 5
Por